โครงสร้างกรรมการบริษัท ประกอบด้วยกรรมการ 5 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 คณะกรรมการบริษัท มีจำนวนทั้งสิ้น 9 คน

บทบาทหน้าที่ของประธานกรรมการ

  1. รับผิดชอบในฐานะผู้นำของคณะกรรมการในการกำกับ ติดตาม ดูแลการบริหารงานของคณะกรรมการบริหาร และคณะอนุกรรมการอื่น ๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนงานที่กำหนดไว้ และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
  2. ดูแลให้มั่นใจว่า กรรมการทุกคนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่มีจริยธรรม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี
  3. เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท และที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับของบริษัท ตามระเบียบวาระที่กำหนดไว้ และดูแลให้ใช้เวลาในการประชุมอย่างเหมาะสม
  4. ส่งเสริมการแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมอย่างเป็นอิสระเปิดเผย
  5. ดูแลให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกรรมการและผู้ถือหุ้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  6. เป็นผู้ลงคะแนนเสียงชี้ขาดในกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีการลงคะแนนเสียง และคะแนนเสียง 2 ฝ่ายเท่ากัน

ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท

เพื่อให้คณะกรรมการสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้กำหนดแนวปฏิบัติไว้ ดังนี้

  1. ดำเนินการจัดการบริษัทให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ข้อบังคับ และมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของบริษัท
  2. ให้ความเห็นชอบนโยบายที่สำคัญ เป้าหมาย แนวทาง และแผนงานของบริษัท รวมทั้งติดตามดูแลให้มีการปฏิบัติตามแผนงานที่กำหนด
  3. ควบคุมกำกับดูแลการบริหารและการจัดการของคณะกรรมการบริหารให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้รับมอบหมาย โดยมีอำนาจอนุมัติ
    1. 3.1 พิจารณาอนุมัติการกู้หรือการขอสินเชื่อใด ๆ จากสถาบันการเงิน
    2. 3.2 พิจารณาอนุมัติงบประมาณประจำปีและแผนงานของบริษัท
    3. 3.3 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น เมื่อเห็นว่าบริษัทมีกำไรพอสมควรที่จะกระทำเช่นนั้น
    4. 3.4 พิจารณาอนุมัติรายการที่สำคัญ เช่น การลงทุนที่สำคัญ การซื้อขายทรัพย์สิน และการดำเนินการใด ๆ ที่กฎหมายกำหนด
    5. 3.5 พิจารณาอนุมัติการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ เว้นแต่รายการที่จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยการพิจารณาอนุมัติดังกล่าวจะเป็นไปตามประกาศ ข้อบังคับ ระเบียบที่เกี่ยวข้องของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ เว้นแต่เรื่องที่กฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น คณะกรรมการต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นก่อนการดำเนินการ
  4. คณะกรรมการจะดำเนินการจัดให้มีการประชุมอย่างน้อย ไตรมาสละครั้ง
  5. กำหนดตารางการประชุมตลอดทั้งปีล่วงหน้า และแจ้งตารางการประชุมทั้งปีให้แก่คณะกรรมการทราบตั้งแต่ปลายปี ก่อนปีที่มีการจัดประชุม
  6. ส่งรายละเอียดวาระการประชุมให้คณะกรรมการได้มีเวลาศึกษาและพิจารณาล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันทำการก่อนวันประชุม
  7. การพิจารณาวาระต่าง ๆ จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรม
  8. บริษัทได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับจำนวนองค์ประชุมกรรมการขั้นต่ำ ณ ขณะที่คณะกรรมการจะลงมติในที่ประชุมว่าต้องมีกรรมการอยู่ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด
  9. เปิดโอกาสให้มีการแสดงความเห็นอย่างอิสระ
  10. กำหนดเวลาในการพิจารณาแต่ละวาระไว้อย่างเพียงพอ เพื่อการอภิปรายและแสดงความคิดเห็นอย่างรอบคอบ
  11. กำกับดูแลให้มีการบริหารจัดการตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี และดูแลไม่ให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางผลประโยชน์

ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร

คณะกรรมการบริหารซึ่งรวมถึงกรรมการผู้จัดการ มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินงานตามปกติธุรกิจของบริษัท ทั้งนี้ การอนุมัติรายการอื่นใดที่มีความขัดแย้งหรือมีส่วนได้เสีย หรืออาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในลักษณะอื่นใดกับบริษัทหรือบริษัทย่อย จะต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณาอนุมัติรายการที่เกิดขึ้นดังกล่าวทุกครั้ง

ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ

  1. สอบทานให้บริษัทมีรายงานทางการเงินอย่างถูกต้องและเปิดเผยอย่างเพียงพอ
  2. สอบทานให้บริษัทมีระบบการควบคุมภายในและการตรวจสอบภายในที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิผล
  3. สอบทานการปฏิบัติของบริษัทให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท
  4. ให้ความเห็นชอบในการพิจารณา แต่งตั้ง โยกย้าย เลิกจ้างผู้จัดการฝ่ายตรวจสอบภายในและพัฒนาระบบ
  5. พิจารณาคัดเลือก เสนอแต่งตั้ง เลือกกลับเข้าใหม่ และเลิกจ้างผู้สอบบัญชีภายนอก รวมถึงพิจารณาเสนอค่าตอบแทนของผู้สอบบัญชี
  6. พิจารณาการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทในกรณีที่เกิดรายการเกี่ยวโยงหรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ให้มีความถูกต้องครบถ้วน ตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
  7. พิจารณาและสอบทานรายงานผลการปฏิบัติงานของฝ่ายตรวจสอบภายในและพัฒนาระบบ และอนุมัติแผนการตรวจสอบภายในประจำปี
  8. กำกับดูแลให้ผู้สอบบัญชีและหน่วยงานตรวจสอบภายในมีความเป็นอิสระในการทำงาน
  9. จัดให้มีการประชุมร่วมกับผู้สอบบัญชีโดยไม่มีฝ่ายจัดการอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  10. พิจารณาความเสี่ยงที่สำคัญของบริษัท พร้อมเสนอแนะวิธีป้องกัน หรือแจ้งให้คณะกรรมการหามาตรการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงนั้น
  11. จัดทำรายงานกิจกรรมของคณะกรรมการตรวจสอบโดยเปิดเผยไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท ซึ่่งรายงานดังกล่าวลงนามโดยประธานกรรมการตรวจสอบ
  12. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายและคณะกรรมการตรวจสอบเห็นชอบด้วย

ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน

  1. กำหนดนโยบายการสรรหากรรมการและค่าตอบแทนกรรมการบริษัท กรรมการชุดย่อย และผู้บริหารระดับสูง เพื่อเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นชอบอนุมัติ
  2. สรรหาบุคคลที่เหมาะสมและเป็นคุณต่อธุรกิจมาดำรงตำแหน่งกรรมการที่หมดวาระและหรือมีตำแหน่งว่างลง มาเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นชอบและขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น
  3. กำหนดค่าตอบแทนที่จำเป็นและเหมาะสม ทั้งที่เป็นตัวเงินและมิใช่ตัวเงินให้กับคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูง ตามภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ และผลงาน
  4. รายงานผลการประชุมที่มีนัยสำคัญและเป็นประโยชน์กับบริษัทต่อคณะกรรมการบริษัท
  5. ให้คำชี้แจงและหรือตอบคำถาม กรณีเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายการสรรหากรรมการและค่าตอบแทนของกรรมการบริษัท กรรมการชุดย่อยและผู้บริหารระดับสูงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
  6. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย อันเกี่ยวกับการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนที่มีความสำคัญ

ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

  1. กำหนดและทบทวนนโยบาย เป้าหมาย แนวทางและกรอบการบริหารความเสี่ยงขององค์กร ทั้งการบริหารความเสี่ยงโดยรวมและการบริหารความเสี่ยงหลักของธุรกิจ เช่น ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risk) ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk) ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบข้อบังคับ (Compliance Risk) ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน (Operational Risk) รวมถึง ความเสี่ยงด้านการทุจริตคอร์รัปชัน (Fraud Risk) และความเสี่ยงด้านความยั่งยืน (ESG Risk) ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ตลอดจนความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท และพิจารณาอนุมัติ
  2. กำกับดูแล เสนอแนะแนวทาง ติดตาม สอบทานแผนงาน ประเมินผล และปรับปรุงแผนการดำเนินงาน ให้มีความเหมาะสมกับสภาวะการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้มั่่นใจว่าการบริหารความเสี่ยงได้รับการบริหารจัดการอย่างเพียงพอ เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการความเสี่ยงต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินงาน แผนธุรกิจ สภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร
  3. กำหนดนโยบาย กลยุทธ์ เป้าหมาย ตลอดจนจัดทำแผนการดำเนินงานการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจขององค์กร ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของบริษัท ในลักษณะที่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล เพื่อมุ่งสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
  4. พิจารณากำหนด กำกับดูแล ทบทวนและปรับปรุงนโยบายและแนวทางปฏิบัติด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และผลักดันให้นำไปสู่การปฏิบัติการสร้างการมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก
  5. พิจารณากำหนด ทบทวน และปรับปรุงกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการจัดการความเสี่ยงและโอกาสที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามมาตรฐานสากล เพื่อเสนอแก่คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติ ตลอดจนกำกับดูแลและติดตามให้มีการปฏิบัติตามกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศดังกล่าว
  6. รายงานประเด็นความเสี่ยง และผลการปฏิบัติงานด้านความเสี่ยงและการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีนัยสำคัญและเป็นประโยชน์กับองค์กรต่อคณะกรรมการบริษัท
  7. ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมาย
  8. ประเมินผลการปฏิบัติงานของตนเอง (Self-Assessment) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ความหลากหลายของคณะกรรมการบริษัท

บริษัทได้จัดทำ Board Skills Matrix เพื่อแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของคณะกรรมการบริษัท ดังรายละเอียดที่ปรากฏในตาราง ดังนี้

การดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทจดทะเบียนของกรรมการบริษัท

คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดให้กรรมการแต่ละคน ได้แก่ ประธานกรรมการบริหาร กรรมการที่เป็นผู้บริหาร กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร และกรรมการอิสระ สามารถดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทจดทะเบียนอื่นได้ โดยเมื่อรวมจำนวนบริษัทแล้วไม่เกิน 5 บริษัทจดทะเบียน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำหน้าที่และเพื่อให้กรรมการสามารถอุทิศเวลาในการปฏิบัติหน้าที่กรรมการของบริษัทได้อย่างเต็มที่